ถอย! ‘จักรทิพย์ ชัยจินดา’ ถอนตัวสู้ศึก ผู้ว่ากรุงเทพ

ถอย! ‘จักรทิพย์ ชัยจินดา’ ถอนตัวสู้ศึก ผู้ว่ากรุงเทพ

จักรทิพย์ ชัยจินดา หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่ากรุงเทพ ประกาศถอนตัว เผยไม่อยากขวางทาง ผู้ว่าอัศวินซึ่งเป็นรุ่นพี่ของตน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และหนึ่งในผู้ลงสมัครชิงเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ได้ออกมากล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า ตนได้ ถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

โดยมีสาเหตุ 2 เรื่อง คือ จากท่าทีของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันที่เตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

เพราะว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ทีมรักษ์กรุงเทพ ของ พล.ต.อ.อัศวิน ทำงานเต็มสูบ อีกทั้ง พล.ต.อ.อัศวิน เป็นรุ่นพี่นายร้อยตำรวจและเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นรุ่นน้องจึงต้องถอยให้ เพราะไม่ต้องการไปขวาง และสำนึกในบุญคุณคน

นอกจากนี้มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ เคยเสนอต่อผู้ใหญ่พรรคพลังประชารัฐ ขอให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. ในนามอิสระ เพื่อให้ตนมีทีม ส.ก. เป็นของตัวเอง แต่ผู้ใหญ่ของ พปชร. ขอให้สังกัดพรรค ดังนั้นหาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็จะไม่มีทีมทำงานอยู่ในมือ ไม่มีทีม ส.ก. สนับสนุน จึงทำให้แนวทางของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขัดกับนโยบายผู้ใหญ่

ดังนั้น ด้วยความเคารพผู้ใหญ่ อดีตผู้บังคับบัญชา และเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ “บิ๊กแป๊ะ” จึงตัดสินใจถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

ประยุทธ์ กระทบไหล่และพูดคุยกับผู้นำโลกในการประชุม COP26 พร้อมได้เอ่ยปากชวน ไบเดน ร่วมประชุม APEC ปีหน้าด้วย กวาง หรือ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมพบปะกับผู้นำโลกในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 พร้อมข้อความที่ระบุว่า “ในการเข้าร่วมประชุม COP 26 ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี ได้พบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆอย่างเป็นกันเอง ในประเด็นที่สนใจร่วมกัน”

โดยจากภาพที่ น.ส.ไตรศุลี โพสต์นั้น จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับนาย จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของประเทศแคนาดา, นาง อังเกลา แมร์เคล ผู้นำเยอรมนี, นาย นัฟตาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล รวมถึง นาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษอีกด้วย

ซึ่งนอกจากในภาพที่ น.ส.ไตรศุลี โพสต์แล้วยังมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยกับ นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ เชิญนายไบเดน เยือนไทยในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

เตรียมอยู่ยาว! ‘ประยุทธ์’ เชิญ ‘ไบเดน’ ร่วมประชุม APEC ปีหน้า

ประยุทธ์ ที่ในขณะนี้ร่วมประชุม COP29 ที่ประเทศสกอตแลนด์ได้เอ่ยปากเชิญ ไบเดน เข้าร่วมประชุม APEC ปีหน้า โดยมีไทยเป็นเจ้าภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมที่ในขณะนี้อยู่ที่นครกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26

โดยในงาน พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบกับผู้นำมากมายจากประเทศต่างๆ รวมถึงได้พูดคุยกับนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในงานเลี้ยงรับรองผู้นำเมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยนายกฯ สอบถามถึงสถานการณ์โควิด 19 รวมทั้งเชิญประธานาธิบดีไบเดน เยือนไทยในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้พูดคุยกับนาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พร้อมกล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นพยายามของไทยในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 พร้อมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

พรรคกล้า ปฏิเสธหนุนแก้ ม.112 ชี้จะนำไปสู้การเร่งความจัดแย้งในชาติให้รุนแรงขึ้น จนนำไปสู่วิกฤติการเมืองรอบใหม่ และเกิดการรัฐประหารซ้ำ นาย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มแสดงจุดยืนต่อการแก้ไข ม.112 ตามที่กลุ่มราษฎรออกมาเรียกร้องในการชุมนุมในวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดย นาย อรรถวิชช์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ถ้าคิดแบบปฏิบัตินิยมในสถานการณ์ปัจจุบัน หากยกเลิกมาตรา 112 จะเร่งความขัดแย้งในชาติให้รุนแรงขึ้นอีก

เช่น 1. เกิดการดูหมิ่นต่อสถาบันมากขึ้น 2. เกิดความขัดแย้งสองฝ่าย และจะนำไปสู่การปะทะกันบนท้องถนน และ 3. เกิดวิกฤตการเมืองรอบใหม่ เป็นช่องว่างทำให้เกิดการแทรกแซงทางการเมือง เข้ายึดอำนาจหรือรัฐประหารอีก

ทุกฝ่ายต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดวิกฤตการเมืองอีก ตนว่าประเทศเราพอแล้วกับเรื่องวิกฤตการเมือง ยิ่งแก้ก็ยิ่งแน่น วิกฤตข้างหน้ามันคือวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคระบาด งานสำคัญคือการปรับรูปแบบการบริหารราชการขนานใหญ่ ให้ทันโลกทันวิกฤตใหม่ มีเรื่องที่คุ้มค่ากว่าการทะเลาะกันทางความคิดเพื่อประโยชน์ชาติอีกมาก

ดังนั้นขอย้ำเตือนถึงทุกพรรคการเมือง ที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยว่า การสร้างคะแนนนิยมบนความเกลียดชังหรือความขัดแย้ง แบ่งคนออกเป็นสองฝ่าย วันนี้ต้องสิ้นสุดเสียที

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป